สัญญาโอนสิทธิบัตร/อนุสิทธิบัตร กรอกแบบฟอร์ม

ต้องทำยังไงบ้าง

1. เลือกแบบฟอร์มนี้

เริ่มต้นโดยการคลิกที่ "กรอกแบบฟอร์ม"

1 / เลือกแบบฟอร์มนี้

2. กรอกเอกสาร

ตอบคำถามบางข้อแล้วเอกสารของคุณก็จะถูกสร้างขึ้นเองโดยอัตโนมัติ

2 / กรอกเอกสาร

3. บันทึก - พิมพ์

เอกสารของคุณพร้อมแล้ว คุณจะได้รับเอกสารดังกล่าวในรูปแบบ Word และ PDF ซึ่งคุณสามารถทำการแก้ไขได้

3 / บันทึก - พิมพ์

ตัวเลือกพิเศษสำหรับการปรึกษาทนายความ

คุณสามารถเลือกที่จะขอรับความช่วยเหลือจากทนายความได้หลังจากกรอกเอกสารเสร็จแล้ว

ตัวเลือกพิเศษสำหรับการปรึกษาทนายความ

สัญญาโอนสิทธิบัตร/อนุสิทธิบัตร

ปรับปรุงล่าสุด ปรับปรุงล่าสุด 21/01/2567
รูปแบบ รูปแบบWord และ PDF
ขนาด ขนาด8 ถึง 13 หน้า
4.5 - 1 คะแนนโหวต
กรอกแบบฟอร์ม

ปรับปรุงล่าสุดปรับปรุงล่าสุด 21/01/2567

รูปแบบรูปแบบที่มีให้ Word และ PDF

ขนาดขนาด 8 ถึง 13 หน้า

ตัวเลือก ความช่วยเหลือจากทนายความ

คะแนน 4.5 - 1 คะแนนโหวต

กรอกแบบฟอร์ม

สัญญาโอนสิทธิบัตร หรือหนังสือสัญญาโอนสิทธิบัตร คือ สัญญาซึ่งมีคู่สัญญา 2 ฝ่าย ได้แก่ ผู้โอน (เช่น ผู้ประดิษฐ์ ผู้ออกแบบผลิตภัณฑ์ ผู้ทรงสิทธิบัตร/อนุสิทธิบัตร) ฝ่ายหนึ่ง และผู้รับโอน (เช่น ผู้ซื้อ ผู้รับการให้ซึ่งสิทธิบัตร อนุสิทธิบัตร หรือสิทธิในสิ่งประดิษฐ์ ผลิตภัณฑ์ หรือการออกแบบ) อีกฝ่ายหนึ่ง โดยที่ ผู้โอนตกลงจะโอนสิทธิบัตร อนุสิทธิบัตร หรือสิทธิในสิ่งประดิษฐ์ ผลิตภัณฑ์ หรือการออกแบบที่ยังไม่ได้ขอรับสิทธิบัตร/อนุสิทธิบัตร ให้แก่ผู้รับโอนตามเงื่อนไขที่กำหนดในสัญญาฉบับนี้ โดยผู้รับโอนจะมีสถานะเป็นผู้ทรงสิทธิบัตร/อนุสิทธิ หรือสิทธิในสิ่งประดิษฐ์ ผลิตภัณฑ์ หรือการออกแบบต่อจากผู้โอน โดยอาจมีค่าตอบแทน (เช่น ซื้อขาย ว่าจ้าง) หรือไม่มีค่าตอบแทน (เช่น ให้เปล่า) ก็ได้ โดยการโอนสิทธิเกี่ยวกับสิทธิบัตรอาจเป็นสิทธิต่างๆ ดังต่อไปนี้

  • สิทธิบัตรการประดิษฐ์ เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือกรรมวิธีขึ้นใหม่ โดยใช้วิธีการประดิษฐ์ขั้นที่สูงขึ้น
  • สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ เช่น การออกแบบรูปร่าง ลวดลาย สี หรือองค์ประกอบภายนอกของผลิตภัณฑ์ขึ้นใหม่
  • อนุสิทธิบัตร เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือกรรมวิธีขึ้นใหม่
  • สิทธิขอรับสิทธิบัตร/อนุสิทธิบัตร เช่น สิ่งประดิษฐ์ ผลิตภัณฑ์ หรือการออกแบบที่ยังไม่ได้ขอรับสิทธิบัตร/อนุสิทธิบัตร

สัญญาโอนสิทธิบัตร เป็นการโอนสิทธิอย่างเด็ดขาดในสิทธิบัตร อนุสิทธิบัตร หรือสิทธิในสิ่งประดิษฐ์ ผลิตภัณฑ์ หรือการออกแบบที่ยังไม่ได้ขอรับสิทธิบัตร/อนุสิทธิบัตรจากผู้โอนให้แก่ผู้รับโอน ในกรณีที่ผู้โอนต้องการสงวนสิทธิเด็ดขาดในสิทธิบัตร อนุสิทธิบัตร หรือสิทธิในสิ่งประดิษฐ์ ผลิตภัณฑ์ หรือการออกแบบนั้นไว้ แต่ต้องการให้ผู้รับโอนใช้ประโยชน์ในสิทธิบัตร อนุสิทธิบัตร หรือสิทธิในสิ่งประดิษฐ์ ผลิตภัณฑ์ หรือการออกแบบภายในระยะเวลาหนึ่งตามขอบเขตและเงื่อนไขที่ผู้โอนกำหนด (เช่น ให้ใช้กรรมวิธีในการผลิตเพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์นั้นเป็นระยะเวลา 5 ปี โดยต้องจ่ายค่าสิทธิทุกๆ ปีให้แก่ผู้โอน) ในกรณีเช่นนี้ คู่สัญญาควรเลือกใช้ สัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ ซึ่งถูกร่างขึ้นสำหรับการอนุญาตให้ใช้สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา (เช่น สิทธิบัตร อนุสิทธิบัตร) โดยเฉพาะ ซึ่งสิทธิเด็ดขาดจะยังคงเป็นของผู้อนุญาต โดยผู้ได้รับอนุญาตจะมีสิทธิใช้สิทธิบัตร/อนุสิทธิบัตรตามขอบเขต เงื่อนไข ระยะเวลา และค่าตอบแทนที่คู่สัญญากำหนดตกลงกัน เท่านั้น

 

การนำไปใช้

ในการจัดทำสัญญาโอนสิทธิบัตร ผู้จัดทำ ควรมีข้อพิจารณา ดังต่อไปนี้

ผู้จัดทำควรระบุรายละเอียดและข้อความสำคัญในสัญญาฉบับดังกล่าว โดยละเอียดและครบถ้วน เช่น

    • คู่สัญญา เช่น ชื่อ ที่อยู่ เพื่อการอ้างอิงที่ถูกต้อง
    • การประดิษฐ์ เช่น รายละเอียดผลิตภัณฑ์ กรรมวิธี การออกแบบผลิตภัณฑ์ ลักษณะ รูปภาพ ชื่อผู้ประดิษฐ์/ออกแบบผลิตภัณฑ์
    • ข้อมูลสิทธิบัตร/อนุสิทธิบัตร เช่น ประเภทการประดิษฐ์/ออกแบบผลิตภัณฑ์ ข้อถือสิทธิ วันที่ยื่นคำขอ เลขที่สิทธิบัตร/อนุสิทธิบัตร ในกรณีที่สิ่งประดิษฐ์ ผลิตภัณฑ์ หรือการออกแบบได้จดทะเบียนสิทธิบัตร/อนุสิทธิบัตรแล้ว
    • การจดทะเบียนโอนสิทธิบัตร/อนุสิทธิบัตร เช่น วันที่โอน หน้าที่การดำเนินการและรับผิดชอบค่าธรรมเนียมราชการ ในกรณีที่สิ่งประดิษฐ์ ผลิตภัณฑ์ หรือการออกแบบได้จดทะเบียนสิทธิบัตร/อนุสิทธิบัตรแล้ว
    • การโอนสิทธิ เช่น วันที่โอน
    • ค่าตอบแทน (ถ้ามี) เช่น อัตราค่าตอบแทน กำหนดชำระ

ในกรณีที่มีเอกสารอ้างอิงที่เกี่ยวข้องกับสิ่งประดิษฐ์ ผลิตภัณฑ์ หรือการออกแบบ (เช่น ชื่อสิ่งประดิษฐ์ ลักษณะ แบบภาพ รูปภาพของผลิตภัณฑ์/กรรมวิธี ข้อถือสิทธิ) คู่สัญญาอาจพิจารณาแนบเอกสารเหล่านี้เป็นเอกสารแนบท้ายสัญญา เพื่อความชัดเจนและความเข้าใจที่ตรงกันในสิทธิที่โอน

เมื่อผู้จัดทำระบุรายละเอียดและข้อความสำคัญในสัญญาครบถ้วนแล้ว ผู้จัดทำควรจัดทำสัญญาโอนสิทธิบัตรเป็นลายลักษณ์อักษร และให้คู่สัญญาหรือตัวแทนผู้มีอำนาจของคู่สัญญา รวมถึงพยานด้วย (ถ้ามี) ลงนามในสัญญาฉบับดังกล่าวให้เรียบร้อย โดย คู่สัญญาอาจจัดทำคู่ฉบับของสัญญาอย่างน้อย 2 ฉบับ เพื่อให้คู่สัญญาแต่ละฝ่ายเก็บไว้ใช้อ้างอิงเป็นหลักฐานได้ฝ่ายละอย่างน้อย 1 ฉบับ

คู่สัญญาแต่ละฝ่ายควรขอเอกสารแสดงตัวตนของคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งที่ลงนามรับรองสำเนาถูกต้องมาเก็บไว้ประกอบสัญญาฉบับที่ตนเองถือไว้ด้วย เช่น บัตรประจำตัวประชาชน หนังสือเดินทาง หนังสือรับรองและบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคล (กรณีนิติบุคคล)

ในกรณีการโอนสิทธิบัตรการประดิษฐ์ สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ หรืออนุสิทธิบัตร (เช่น สิ่งประดิษฐ์ ผลิตภัณฑ์ หรือการออกแบบที่ได้รับการจดทะเบียนสิทธิบัตร/อนุสิทธิบัตรแล้ว) คู่สัญญาจะต้องไปดำเนินการจดทะเบียนโอนสิทธิบัตร/อนุสิทธิบัตรกับนายทะเบียน กรมทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อให้ผู้รับโอนมีสิทธิในสิทธิบัตร/อนุสิทธิบัตรนั้นอย่างสมบูรณ์ โดยในการจดทะเบียน คู่สัญญาอาจมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการที่ต้องพิจารณาและจัดเตรียม (เช่น ค่าธรรมเนียมจดทะเบียนรับโอนสิทธิบัตร/อนุสิทธิบัตร) ทั้งนี้ เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้การโอนสิทธิบัตร/อนุสิทธิบัตรต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง


ความช่วยเหลือจากทนายความ

คุณสามารถเลือกที่จะปรึกษาทนายความได้ในกรณีที่คุณต้องการความช่วยเหลือ

ทนายความสามารถช่วยคุณได้โดยทำการตอบคำถามของคุณหรือให้ความช่วยเหลือในกระบวนการต่าง ๆ จะมีการเสนอตัวเลือกดังกล่าวไว้ให้คุณในตอนท้ายของเอกสาร


แก้ไขแบบฟอร์มได้อย่างไร

คุณกรอกแบบสอบถามสำหรับป้อนข้อมูลแล้วจะเห็นได้ว่าระบบของเราจะค่อย ๆ สร้างเอกสารขึ้นเองโดยอัตโนมัติตามคำตอบที่คุณกรอกเข้าไป

ในตอนสุดท้าย คุณจะได้รับเอกสารในรูปแบบ Word และ PDF คุณสามารถแก้ไขและนำเอกสารไปใช้อีกได้

กรอกแบบฟอร์ม