เริ่มต้นโดยการคลิกที่ "กรอกแบบฟอร์ม"
ตอบคำถามบางข้อแล้วเอกสารของคุณก็จะถูกสร้างขึ้นเองโดยอัตโนมัติ
เอกสารของคุณพร้อมแล้ว คุณจะได้รับเอกสารดังกล่าวในรูปแบบ Word และ PDF ซึ่งคุณสามารถทำการแก้ไขได้
คุณสามารถเลือกที่จะขอรับความช่วยเหลือจากทนายความได้หลังจากกรอกเอกสารเสร็จแล้ว
ปรับปรุงล่าสุด 20/04/2567
รูปแบบที่มีให้ Word และ PDF
ขนาด 15 ถึง 23 หน้า
ตัวเลือก ความช่วยเหลือจากทนายความ
กรอกแบบฟอร์มสัญญาจะซื้อจะขายอสังหาริมทรัพย์ สัญญาจะซื้อจะขายบ้าน/อาคารพาณิชย์ หรือสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง คือ สัญญาซึ่งมีคู่สัญญา 2 ฝ่าย ได้แก่ ผู้จะขายและผู้จะซื้อ โดยที่ ผู้จะขายตกลงจะโอนกรรมสิทธิ์ความเป็นเจ้าของในอสังหาริมทรัพย์ให้แก่ผู้จะซื้อตามเงื่อนไขและระยะเวลาที่กำหนดในสัญญาจะซื้อจะขายอสังหาริมทรัพย์ และผู้จะซื้อตกลงจะชำระราคาค่าอสังหาริมทรัพย์ให้แก่ผู้จะขายตามระยะเวลาและเงื่อนไขที่กำหนด
สัญญาจะซื้อจะขายอสังหาริมทรัพย์อาจแบ่งตามประเภทของอสังหาริมทรัพย์ที่จะซื้อขายได้ ดังต่อไปนี้
สัญญาจะซื้อจะขายอสังหาริมทรัพย์และสัญญาเช่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ แม้จะมีวัตถุประสงค์ในการเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์เหมือนกัน แต่สัญญาจะซื้อจะขายอสังหาริมทรัพย์และสัญญาเช่าซื้ออสังหาริมทรัพย์มีความแตกต่างกัน ดังต่อไปนี้
ในกรณีที่คู่สัญญาต้องการจะเช่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ ผู้ใช้งานอาจเลือกใช้สัญญาเช่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ซึ่งถูกร่างขึ้นสำหรับการเช่าซื้ออสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะ
จำเป็น คู่สัญญาควรจัดทำสัญญาจะซื้อจะขายอสังหาริมทรัพย์เป็นลายลักษณ์อักษร และให้คู่สัญญาหรือตัวแทนผู้มีอำนาจของคู่สัญญาลงนามในสัญญาฉบับดังกล่าวให้เรียบร้อย ทั้งนี้ เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้สัญญาจะซื้อจะขายอสังหาริมทรัพย์จะต้องมีอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ จึงจะสามารถฟ้องร้องบังคับคดีได้ ในกรณีที่มีคู่สัญญาผิดสัญญา (เช่น ผู้จะซื้อไม่ยอมชำระเงินส่วนที่เหลือ ผู้จะขายไม่ยอมไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ตามระยะเวลาที่กำหนด)
การรังวัดที่ดิน คือ การที่เจ้าหน้าที่ของกรมที่ดินหรือตัวแทนที่มีอำนาจ ดำเนินการตรวจสอบหลักหมุด และกำหนดแนวเขตของที่ดินเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของขนาดและแนวเขตของที่ดิน ณ ปัจจุบันว่าตรงกับขนาดและแนวเขตที่ระบุไว้ในโฉนดที่ดิน หรือไม่ เนื่องจากในบางกรณี โดยเฉพาะในกรณีที่โฉนดที่ดินได้ถูกออกมาเป็นระยะเวลานานแล้ว ภายในระยะเวลาดังกล่าวอาจมีการขยับ เปลี่ยนแปลง หลักหมุด หรือแนวเขตของที่ดินโดยธรรมชาติอันอาจทำให้ที่ดินดังกล่าวมีขนาดพื้นที่ และ/หรือแนวเขตที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ ซึ่งไม่ตรงตามขนาดพื้นที่หรือแนวเขตที่ระบุไว้ในโฉนดที่ดิน อันอาจทำให้ผู้จะซื้อหรือผู้จะขายได้รับความเสียหายได้
คู่สัญญาจึงอาจกำหนดให้มีการรังวัดที่ดินก่อนการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวกับที่ดิน (เช่น สัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน สัญญาจะซื้อจะขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง)
คู่สัญญาควรระบุรายละเอียดและข้อความสำคัญในสัญญาจะซื้อจะขายอสังหาริมทรัพย์ ดังต่อไปนี้
คู่สัญญาไม่จำเป็นจะต้องดำเนินการใดๆ ก่อนตามกฎหมายในการจัดทำสัญญาจะซื้อจะขายอสังหาริมทรัพย์
อย่างไรก็ดี ก่อนการจัดทำสัญญาจะซื้อจะขายอสังหาริมทรัพย์ คู่สัญญาอาจมีข้อพิจารณา ดังต่อไปนี้
บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำสัญญาจะซื้อจะขายอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่
ในกรณีผู้จะขายแต่งตั้ง/ว่าจ้างนายหน้าในการขายอสังหาริมทรัพย์ หรือผู้จะซื้อแต่งตั้ง/ว่าจ้างนายหน้าในการจัดหาอสังหาริมทรัพย์ คู่สัญญาฝ่ายนั้นอาจจัดทำสัญญานายหน้าอสังหาริมทรัพย์กับนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ที่แต่งตั้ง/ว่าจ้างนั้น
คู่สัญญาควรจัดทำสัญญาจะซื้อจะขายอสังหาริมทรัพย์เป็นลายลักษณ์อักษร และให้คู่สัญญาหรือตัวแทนผู้มีอำนาจของคู่สัญญา รวมถึงพยานด้วย (ถ้ามี) ลงนามในสัญญาฉบับดังกล่าวให้เรียบร้อย ทั้งนี้ เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้สัญญาจะซื้อจะขายอสังหาริมทรัพย์จะต้อง (ก) มีหลักฐานเป็นหนังสือและลงลายมือชื่อของคู่สัญญา (ข) ได้มีการวางประจำ/มัดจำไว้ หรือ (ค) ได้ชำระหนี้ไว้บางส่วนแล้ว อย่างใดอย่างหนึ่ง จึงจะสามารถฟ้องร้องบังคับคดีได้ ในกรณีที่มีคู่สัญญาผิดสัญญา (เช่น ผู้จะซื้อไม่ยอมชำระเงินส่วนที่เหลือ ผู้จะขายไม่ยอมไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ตามระยะเวลาที่กำหนด)
เมื่อจัดทำและลงนามในสัญญาจะซื้อจะขายอสังหาริมทรัพย์เรียบร้อยแล้ว คู่สัญญาอาจพิจารณาดำเนินการ ดังต่อไปนี้
คู่สัญญาอาจพิจารณาแนบเอกสารที่เกี่ยวข้องกับสัญญาจะซื้อจะขายอสังหาริมทรัพย์ เพื่อความชัดเจนและความเข้าใจที่ตรงกันในอสังหาริมทรัพย์ที่จะซื้อขาย เช่น
จำเป็น คู่สัญญาจะต้องไปดำเนินการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์และนิติกรรมการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์กับนายทะเบียนที่สำนักงานที่ดินภายในระยะเวลาและเขตที่คู่สัญญาตกลงกันตามแบบ วิธีการ หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด ทั้งนี้ เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้การได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ความเป็นเจ้าของในอสังหาริมทรัพย์ (เช่น การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์) จะต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนกับพนักงานเจ้าหน้าที่จึงจะมีผลสมบูรณ์
ไม่จำเป็น กฎหมายไม่ได้กำหนดให้สัญญาจะซื้อจะขายอสังหาริมทรัพย์จำเป็นจะต้องมีพยานลงนามด้วย
อย่างไรก็ดี คู่สัญญาอาจพิจารณาจัดให้มีพยานลงนามในสัญญาจะซื้อจะขายอสังหาริมทรัพย์ตามที่เห็นสมควรด้วยก็ได้ ในกรณีเช่นนี้ พยานควรเป็นบุคคลผู้มีความสามารถในการทำนิติกรรมอย่างสมบูรณ์ (เช่น ผู้บรรลุนิติภาวะ อายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือบุคคลซึ่งศาลสั่งให้เป็นผู้เสมือนไร้ความสามารถ ไม่เป็นผู้ทุพพลภาพ) และไม่ใช่บุคคลที่มีหน้าที่/ภาระผูกพันตามสัญญาจะซื้อจะขายอสังหาริมทรัพย์ (เช่น คู่สัญญา)
เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้การได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ความเป็นเจ้าของในอสังหาริมทรัพย์ (เช่น การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์) จะต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนกับพนักงานเจ้าหน้าที่จึงจะมีผลสมบูรณ์ โดยในการดำเนินการจดทะเบียน คู่สัญญาอาจมีค่าใช้จ่ายที่ต้องพิจารณาจัดเตรียม เช่น
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำสัญญาจะซื้อจะขายอสังหาริมทรัพย์มี ดังต่อไปนี้
คุณสามารถเลือกที่จะปรึกษาทนายความได้ในกรณีที่คุณต้องการความช่วยเหลือ
ทนายความสามารถช่วยคุณได้โดยทำการตอบคำถามของคุณหรือให้ความช่วยเหลือในกระบวนการต่าง ๆ จะมีการเสนอตัวเลือกดังกล่าวไว้ให้คุณในตอนท้ายของเอกสาร
คุณกรอกแบบสอบถามสำหรับป้อนข้อมูลแล้วจะเห็นได้ว่าระบบของเราจะค่อย ๆ สร้างเอกสารขึ้นเองโดยอัตโนมัติตามคำตอบที่คุณกรอกเข้าไป
ในตอนสุดท้าย คุณจะได้รับเอกสารในรูปแบบ Word และ PDF คุณสามารถแก้ไขและนำเอกสารไปใช้อีกได้
สัญญาจะซื้อจะขายอสังหาริมทรัพย์ - ตัวอย่างแบบฟอร์ม
ประเทศ: ประเทศไทย