สัญญาเช่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ กรอกแบบฟอร์ม

ต้องทำยังไงบ้าง

1. เลือกแบบฟอร์มนี้

เริ่มต้นโดยการคลิกที่ "กรอกแบบฟอร์ม"

1 / เลือกแบบฟอร์มนี้

2. กรอกเอกสาร

ตอบคำถามบางข้อแล้วเอกสารของคุณก็จะถูกสร้างขึ้นเองโดยอัตโนมัติ

2 / กรอกเอกสาร

3. บันทึก - พิมพ์

เอกสารของคุณพร้อมแล้ว คุณจะได้รับเอกสารดังกล่าวในรูปแบบ Word และ PDF ซึ่งคุณสามารถทำการแก้ไขได้

3 / บันทึก - พิมพ์

ตัวเลือกพิเศษสำหรับการปรึกษาทนายความ

คุณสามารถเลือกที่จะขอรับความช่วยเหลือจากทนายความได้หลังจากกรอกเอกสารเสร็จแล้ว

ตัวเลือกพิเศษสำหรับการปรึกษาทนายความ

สัญญาเช่าซื้ออสังหาริมทรัพย์

ปรับปรุงล่าสุด ปรับปรุงล่าสุด 08/12/2566
รูปแบบ รูปแบบWord และ PDF
ขนาด ขนาด22 ถึง 34 หน้า
4.7 - 11 คะแนนโหวต
กรอกแบบฟอร์ม

ปรับปรุงล่าสุดปรับปรุงล่าสุด 08/12/2566

รูปแบบรูปแบบที่มีให้ Word และ PDF

ขนาดขนาด 22 ถึง 34 หน้า

ตัวเลือก ความช่วยเหลือจากทนายความ

คะแนน 4.7 - 11 คะแนนโหวต

กรอกแบบฟอร์ม

สัญญาเช่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ คือ สัญญาซึ่งมีคู่สัญญา 2 ฝ่าย ได้แก่ ผู้ให้เช่าซื้อ (เช่น เจ้าของอสังหาริมทรัพย์) ฝ่ายหนึ่ง และผู้เช่าซื้อ อีกฝ่ายหนึ่ง โดยที่ คู่สัญญาทั้ง 2 ฝ่ายตกลงกันเช่าอสังหาริมทรัพย์ (เช่น บ้าน ห้องชุด อาคารสำนักงาน อาคารพาณิชย์ หรืออสังหาริมทรัพย์อื่นๆ) ตามระยะเวลาและค่าเช่าที่กำหนด หากผู้เช่าซื้อเช่าและชำระค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ครบตามเงื่อนไขและระยะเวลาที่กำหนด อสังหาริมทรัพย์นั้นจะตกเป็นของผู้เช่าซื้อ

ในกรณีที่เช่าซื้อสินค้าทั่วไป (เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โทรศัพท์มือถือ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ หรือรถจักรยานไฟฟ้า) ผู้ใช้งานควรเลือกใช้ สัญญาเช่าซื้อสินค้าซึ่งถูกร่างขึ้นสำหรับการเช่าซื้อสินค้าทั่วไป

แม้สัญญาเช่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ และสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์ (เช่น สัญญาเช่าสิ่งปลูกสร้างเพื่ออยู่อาศัย หรือสัญญาเช่าอาคาร/พื้นที่พาณิชย์) จะมีความเหมือนคล้ายกันตรงที่คู่สัญญามีการเช่าและใช้ประโยชน์ในอสังหาริมทรัพย์ตามระยะเวลาที่กำหนด แต่สัญญาเช่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ จะแตกต่างจากสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์ ในกรณีที่ครบกำหนดระยะเวลาการเช่าแล้ว หากผู้เช่าซื้อชำระค่าเช่าซื้อครบถ้วนตามที่กำหนดในสัญญา ผู้เช่าซื้อย่อมมีสิทธิได้รับกรรมสิทธิ์ความเป็นเจ้าของในอสังหาริมทรัพย์นั้น ในขณะที่สัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์ เมื่อครบกำหนดระยะเวลาการเช่าแล้ว หากผู้เช่าไม่ประสงค์จะเช่าต่อ ผู้เช่าจะต้องย้ายออกและส่งมอบอสังหาริมทรัพย์นั้นคืนให้แก่ผู้ให้เช่า

การนำไปใช้

ในการจัดทำสัญญาเช่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ ผู้จัดทำควรมีข้อพิจารณา ดังต่อไปนี้

ผู้จัดทำควรระบุรายละเอียดและข้อความสำคัญในสัญญาเช่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ โดยละเอียดและครบถ้วน เช่น

    • คู่สัญญา เช่น ชื่อ ที่อยู่ เพื่อการอ้างอิงที่ถูกต้อง
    • อสังหาริมทรัพย์ที่เช่าซื้อ เช่น ประเภท ลักษณะ สถานที่ตั้ง ขนาดพื้นที่ และสภาพของอสังหาริมทรัพย์
    • ค่าตอบแทน เช่น ค่าเช่าซื้อ เงินดาวน์ และเงินบอลลูน (ถ้ามี) รวมถึงกำหนดชำระเงิน
    • การโอนกรรมสิทธิ์และความเสี่ยงภัยในอสังหาริมทรัพย์
    • ข้อตกลงอื่น (ถ้ามี) เช่น หลักประกัน ประกันภัยในอสังหาริมทรัพย์ การให้เช่าช่วง การเปลี่ยนสัญญา การรับประกันความชำรุดบกพร่องในอสังหาริมทรัพย์ ค่าปรับ

เมื่อผู้จัดทำระบุรายละเอียดและข้อความสำคัญในสัญญาครบถ้วนแล้ว ผู้จัดทำควรจัดทำสัญญาเช่าซื้ออสังหาริมทรัพย์เป็นลายลักษณ์อักษร และให้คู่สัญญาหรือตัวแทนผู้มีอำนาจของคู่สัญญา รวมถึงพยานด้วย (ถ้ามี) ลงนามในสัญญาดังกล่าวให้เรียบร้อย ทั้งนี้ เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้สัญญาเช่าซื้อต้องทำเป็นหนังสือ มิฉะนั้น ข้อตกลงการเช่าซื้อจะตกเป็นโมฆะ โดย คู่สัญญาอาจจัดทำคู่ฉบับของสัญญาอย่างน้อย 2 ฉบับ เพื่อให้คู่สัญญาแต่ละฝ่ายเก็บไว้ใช้อ้างอิงเป็นหลักฐานได้ฝ่ายละอย่างน้อย 1 ฉบับ

คู่สัญญาแต่ละฝ่ายควรขอเอกสารแสดงตัวตนของคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งที่ลงนามรับรองสำเนาถูกต้องมาเก็บไว้ประกอบสัญญาฉบับที่ตนเองถือไว้ด้วย เช่น บัตรประจำตัวประชาชน หนังสือเดินทาง หนังสือรับรองและบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคล (กรณีนิติบุคคล)

ในกรณีที่มีเอกสารอ้างอิงที่เกี่ยวข้องกับการเช่าซื้อ (เช่น รูปภาพของอสังหาริมทรัพย์ แบบโครงสร้างอาคาร เอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ รายการทรัพย์สิน ใบเสนอราคา และตารางการชำระค่างวด) คู่สัญญาอาจพิจารณาแนบเอกสารเหล่านี้เป็นเอกสารแนบท้ายสัญญา เพื่อความชัดเจนและความเข้าใจที่ตรงกันของคู่สัญญา อันเป็นการปกป้องผลประโยชน์ของคู่สัญญาทั้ง 2 ฝ่าย

คู่สัญญานำสัญญาที่ลงนามเรียบร้อยแล้วไปชำระอากรแสตมป์ ตามอัตรา ระยะเวลา และเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด เนื่องจากสัญญาเช่าซื้ออสังหาริมทรัพย์และคู่ฉบับเป็นสัญญาที่กฎหมายกำหนดให้ต้องชำระอากรแสตมป์

ในกรณีที่ผู้เช่าซื้อเช่าและชำระค่าเช่าซื้อครบถ้วนตามเงื่อนไขของสัญญาเช่าซื้อ คู่สัญญาจะต้องไปดำเนินการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์หรือจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์กับเจ้าพนักงาน (เช่น กรมที่ดิน) ให้เป็นของผู้เช่าซื้อ เพื่อให้ผู้เช่าซื้อมีกรรมสิทธิ์ความเป็นเจ้าของในอสังหาริมทรัพย์อย่างสมบูรณ์ โดยในการจดทะเบียนดังกล่าว คู่สัญญาอาจมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการที่ต้องพิจารณาและจัดเตรียม เช่น ค่าคำขอ ค่าธรรมเนียมจดทะเบียน ค่าอากรแสตมป์ ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ และภาษีเงินได้

ข้อพิจารณา

กรรมสิทธิ์ความเป็นเจ้าของในอสังหาริมทรัพย์ที่เช่าซื้อนั้นจะยังไม่ตกเป็นของผู้เช่าชื้อในทันทีที่ทำสัญญาเช่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ แต่จะตกเป็นของผู้เช่าชื้อเมื่อเป็นไปตามเงื่อนไขและระยะเวลาที่กำหนดในสัญญาเช่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ และตามเงื่อนไขของกฎหมายในการได้มาซึ่งสิทธิในอสังหาริมทรัพย์ (เช่น ผู้เช่าซื้อเช่า ชำระค่าเช่าครบทุกงวด และคู่สัญญาไปดำเนินการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์เป็นที่เรียบร้อย)

ในกรณีที่ผู้เช่าซื้อยังไม่ได้รับมอบอสังหาริมทรัพย์ที่เช่าซื้อในวันที่ทำสัญญา คู่สัญญาควรจัดทำบันทึกการตรวจรับสภาพอสังหาริมทรัพย์ที่เช่าซื้อในวันที่รับมอบด้วย เพื่อเป็นหลักฐานการส่งมอบ-รับมอบอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงบันทึกสภาพความชำรุดบกพร่องของอสังหาริมทรัพย์ ณ วันที่รับมอบ (ถ้ามี)

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง


ความช่วยเหลือจากทนายความ

คุณสามารถเลือกที่จะปรึกษาทนายความได้ในกรณีที่คุณต้องการความช่วยเหลือ

ทนายความสามารถช่วยคุณได้โดยทำการตอบคำถามของคุณหรือให้ความช่วยเหลือในกระบวนการต่าง ๆ จะมีการเสนอตัวเลือกดังกล่าวไว้ให้คุณในตอนท้ายของเอกสาร


แก้ไขแบบฟอร์มได้อย่างไร

คุณกรอกแบบสอบถามสำหรับป้อนข้อมูลแล้วจะเห็นได้ว่าระบบของเราจะค่อย ๆ สร้างเอกสารขึ้นเองโดยอัตโนมัติตามคำตอบที่คุณกรอกเข้าไป

ในตอนสุดท้าย คุณจะได้รับเอกสารในรูปแบบ Word และ PDF คุณสามารถแก้ไขและนำเอกสารไปใช้อีกได้

กรอกแบบฟอร์ม