ปรับปรุงล่าสุด 22/06/2566
รูปแบบที่มีให้ Word และ PDF
ขนาด 6 ถึง 9 หน้า
ตัวเลือก ความช่วยเหลือจากทนายความ
คะแนน 4.6 - 186 คะแนนโหวต
กรอกแบบฟอร์มตอบคำถามบางข้อแล้วเอกสารของคุณก็จะถูกสร้างขึ้นเองโดยอัตโนมัติ
เอกสารของคุณพร้อมแล้ว คุณจะได้รับเอกสารดังกล่าวในรูปแบบ Word และ PDF ซึ่งคุณสามารถทำการแก้ไขได้
คุณสามารถเลือกที่จะขอรับความช่วยเหลือจากทนายความได้หลังจากกรอกเอกสารเสร็จแล้ว
สัญญากู้ยืมเงิน คือสัญญาที่ฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ให้กู้ซึ่งให้ยืมใช้เงินแก่คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งเรียกว่าผู้ยืมหรือผู้กู้ โดยที่ผู้ยืมตกลงจะใช้คืนซึ่งเงินที่ยืมนั้น ตามเวลาและเงื่อนไขที่ได้กำหนดตกลงกัน โดยที่ผู้ให้กู้อาจได้สิ่งตอบแทนการให้กู้ยืมเงินนั้นเป็นดอกเบี้ย นอกจากเงื่อนไขเกี่ยวกับเงื่อนไขการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยแล้ว ในสัญญากู้ยังระบุถึงเงื่อนไขการชำระคืน การชำระคืนก่อนกำหนด หลักประกันแห่งการกู้ยืม เบี้ยปรับผิดนัด และรายละเอียดอื่นๆ ที่ผู้ให้กู้และผู้กู้ควรจะได้ตกลงกันไว้แต่แรกตั้งแต่การเริ่มกู้ยืมเงินกัน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากความไม่ชัดเจนต่างๆ
การนำไปใช้
ในการกู้ยืมเงินกันเกินว่า 2,000 บาท กฎหมายกำหนดให้ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือจึงจะสามารถฟ้องร้องบังคับกันได้ โดยจะต้องมีผู้มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามสัญญาลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐานด้วย เนื่องจากในสัญญาคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายมีหน้าที่ต่างต้องปฏิบัติซึ่งกันละกัน ดังนี้ ผู้ให้กู้และผู้กู้จึงต้องลงลายมือชื่อในสัญญากู้ด้วยเพื่อเป็นหลักฐานว่าคู่สัญญาฝ่ายนั้น ได้ยอมรับและตกลงตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญากู้นี้แล้ว ซึ่งผูกมัดคู่สัญญาฝ่ายนั้นให้ต้องปฏิบัติตาม
นอกจากนี้กฎหมายยังกำหนดให้สัญญากู้ยืมเงินจะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อผู้กู้ได้รับเงินต้นที่กู้ยืมไปแล้ว ดังนั้น ในสัญญาควรระบุให้ชัดเจนว่าในวันทำสัญญากู้นี้ ผู้กู้ได้รับเงินที่กู้ยืมไปแล้วหรือไม่ หากได้รับแล้วก็ควรระบุให้ชัดเจน หรือหากยังไม่ได้รับก็ต้องระบุให้ชัดเจนว่าจะมีการชำระเงินให้ผู้กู้เมื่อไหร่และอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในกรณีที่ผู้กู้ยังไม่ได้รับเงิน หรือได้รับเงินแล้วแต่บางส่วนในวันทำสัญญา โดยเมื่อมีการชำระเงินให้ผู้กู้ภายหลัง ควรจะมีหลักฐานการชำระและรับเงิน (เช่น ใบสำคัญรับเงิน) โดยผู้กู้ลงนามรับเงินเพื่อเป็นหลักฐานว่าผู้กู้ได้รับเงินที่กู้นั้นไปแล้วตามจำนวนที่ระบุไว้ในสัญญากู้ ซึ่งจะมีผลโดยตรงกับความสมบูรณ์ของนิติกรรมการกู้ยืมเงิน
อนึ่งสัญญากู้ยืมเงินและคู่ฉบับ กฎหมายกำหนดให้ต้องชำระอากรแสตมป์ตามอัตราและเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด ฉะนั้น หากได้มีการจัดทำสัญญากู้ยืมเงินขึ้น ผู้ให้กู้ (หรือผู้กู้ หากมีการตกลงผลักภาระหน้าที่การชำระอากรแสตมป์ให้ผู้กู้) จักต้องติดอากรแสตมป์หรือนำไปชำระค่าอากรแสตมป์เป็นตัวเงิน (ตีตรา) ให้ถูกต้องครบถ้วนตามที่กรมสรรพากรกำหนด มิฉะนั้น หากมีการฟ้องร้องอันเกี่ยวกับสัญญานี้ ศาลจะไม่รับฟังสัญญาที่ไม่ได้ชำระอากรโดยสมบูรณ์เป็นพยานหลักฐาน อีกทั้ง ยังมีค่าปรับการไม่ชำระอากรแสตมป์และอาจมีโทษทางอาญาอีกด้วย
ในการชำระคืนเงินต้นที่ผู้กู้จะชำระคืนให้แก่ผู้ให้กู้ตามกำหนดเวลาชำระหนี้ที่ตกลงกันในสัญญา ผู้กู้จะต้องเรียกขอให้ผู้ให้กู้ออกเอกสารรับรองว่าผู้กู้ได้ชำระเงินที่กู้ตามสัญญานี้แล้วเพื่อเป็นหลักฐานว่ามีการชำระคืนซึ่งเงินที่กู้ตามสัญญานี้แล้วด้วย
หลักประกันการชำระหนี้
ทั้งนี้ ในการทำสัญญา นอกจากจะให้คู่สัญญาลงนามในสัญญาให้ครบถ้วน ซึ่งในกรณีคู่สัญญาเป็นนิติบุคคลผู้ที่ลงนามจะต้องเป็นผู้ที่มีอำนาจลงนาม และการลงนามต้องลงนามตามเงื่อนไขที่จดทะเบียนนิติบุคคลเอาไว้จึงจะผูกพันนิติบุคคลนั้นๆ โดยสามารถตรวจสอบผู้มีอำนาจลงนามและเงื่อนไขการลงนามของนิติบุคคลได้จากหนังสือรับรองที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ออกให้ เช่น กรรมการบริษัทสองคนลงนามร่วมกันและประทับตรา
คู่สัญญาแต่ละฝ่ายควรจะขอเอกสารแสดงตัวตนของอีกฝ่ายหนึ่งที่เจ้าของเอกสารลงนามรับรองสำเนาถูกต้องมาเก็บไว้ประกอบสัญญาฉบับที่ตนเองถือไว้ด้วยเพื่อสามารถอ้างอิงลายมือชื่อที่ลงไว้ในสัญญาว่าเป็นของบุคคลนั้นจริง เช่น สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนหรือสำเนาหนังสือเดินทางที่รับรองสำเนาถูกต้องของคู่สัญญาผู้นั้น สำหรับคู่สัญญาที่เป็นบุคคลธรรมดา และสำเนาหนังสือรับรองและสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคลที่ลงชื่อในสัญญานี้ บุคคล เช่น กรรมการ หุ้นส่วนผู้จัดการ ผู้รับมอบอำนาจ ในกรณีที่คู่สัญญานั้นเป็นนิติบุคคลโดยเอกสารที่เป็นสำเนาและเป็นเอกสารของบุคคล ต้องให้บุคคลผู้เป็นเจ้าของเอกสารนั้นลงนามรับรองสำเนาด้วย ในกรณีที่เจ้าของเอกสารนั้นเป็นนิติบุคคล เช่น หนังสือรับรอง หรือสำเนาเอกสารอื่นใดที่เป็นของนิติบุคคล ผู้ลงนามและเงื่อนไขการลงนามรับรองสำเนาถูกต้องจะต้องเป็นไปตามผู้ลงนามและเงื่อนไขการลงนามที่ระบุไว้ในหนังสือรับรองด้วยเช่นกัน กล่าวคือ ผู้ลงนามและเงื่อนไขเหมือนกับการลงนามในสัญญา
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กำหนดให้การกู้ยืมเงินตั้งแต่ 2,000 บาท ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือและลงลายมือชื่อผู้มีหน้าที่ตามสัญญาจึงจะสามารถฟ้องร้องบังคับกันได้ ดังนี้ การกู้ยืมเงินกันเกินจำนวนดังกล่าวจะต้องมีการทำเป็นสัญญาหรือหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใด เพื่อแสดงว่ามีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรว่ามีการกู้ยืมเงินกันจริง
นอกจากนี้ กฎหมายได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยการกู้ยืมเงินในกรณีที่ผู้ให้กู้เป็นบุคคลทั่วไปที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (เช่น ธนาคาร บริษัทหลักทรัพย์) ปัจจุบัน ไม่เกินร้อยละ 15 (สิบห้า) ต่อปี ซึ่งหากมีการตกลงคิดดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด นอกจากข้อตกลงเกี่ยวกับการคิดดอกเบี้ยจะเป็นโมฆะไม่สามารถใช้บังคับได้แล้ว ยังอาจมีความผิดทางอาญาตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราอีกด้วย
อายุความการเรียกร้องตามสัญญากู้ยืมเงินมีอายุ 10 ปีนับจากวันที่หนี้ครบกำหนดชำระ อย่างไรก็ดี หากผู้กู้ได้แสดงพฤติการณ์ที่แสดงว่ายอมรับการมีหนี้นั้นอยู่ ก็จะทำให้อายุความเริ่มนับจากวันที่มีพฤติการณ์นั้นแทน เช่น ผู้กู้ทำและลงลายมือชื่อในหนังสือรับสภาพหนี้ ผู้กู้ยอมชำระหนี้บางส่วน ผู้กู้ชำระดอกเบี้ย ผู้กู้วางหลักประกัน เป็นต้น
ในกรณีที่มีการวางวางหลักประกัน คู่สัญญาโดยเฉพาะผู้ให้กู้จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายจำนำในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ด้วย
ความช่วยเหลือจากทนายความ
คุณสามารถเลือกที่จะปรึกษาทนายความได้ในกรณีที่คุณต้องการความช่วยเหลือ
ทนายความสามารถช่วยคุณได้โดยทำการตอบคำถามของคุณหรือให้ความช่วยเหลือในกระบวนการต่าง ๆ จะมีการเสนอตัวเลือกดังกล่าวไว้ให้คุณในตอนท้ายของเอกสาร
แก้ไขแบบฟอร์มได้อย่างไร
คุณกรอกแบบสอบถามสำหรับป้อนข้อมูลแล้วจะเห็นได้ว่าระบบของเราจะค่อย ๆ สร้างเอกสารขึ้นเองโดยอัตโนมัติตามคำตอบที่คุณกรอกเข้าไป
ในตอนสุดท้าย คุณจะได้รับเอกสารในรูปแบบ Word และ PDF คุณสามารถแก้ไขและนำเอกสารไปใช้อีกได้
คู่มือต่าง ๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่คุณ
ชื่ออื่น ๆ ของเอกสารได้แก่ สัญญากู้ยืม, สัญญากู้เงิน, บันทึกข้อตกลงกู้ยืมเงิน, บันทึกข้อตกลงกู้เงิน, หนังสือสัญญากู้ยืมเงิน
ประเทศ: ประเทศไทย